ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

5 ขั้นตอนขายของด้วยกลยุทธ์การตลาด Personalization

การตลาดแบบ Personalization

        เมื่อเทคโนโลยีและข้อมูลก้าวหน้าขึ้น กลยุทธ์การตลาดแบบ Personalization ก็ทำได้ง่ายขึ้น ทำให้เราสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเฉพาะคนด้วยคอนเทนต์ สินค้า และบริการ ช่องทางการสื่อสาร ราคา และประสบการณ์ที่เหมาะกับคนๆนั้นได้

ทำไมต้องทำกลยุทธ์การตลาดแบบ Personalization ?

ถ้ามองในแง่ของคนทำธุรกิจ ก็คือกำไรที่มากขึ้น จากสถิติอ้างว่าการทำการตลาด Personalization ช่วยเพิ่มกำไรอีก 15 % สำหรับแบรนด์ที่ตระหนักถึงความต้องการของผู้บริโภค แต่ถ้ามองในแง่ของผู้บริโภค กลยุทธ์ดังกล่าวจะทำให้ 75% ของผู้บริโภคมาซื้อของร้านโดยเฉพาะร้านค้าปลีกมากขึ้นหากร้านนั้นจำชื่อของลูกค้าได้ คอยดูและแนะนำทางเลือกใหม่ๆ โดยดูจากประวัติการซื้อของ ซึ่ง 81% ของผู้บริโภคอยากให้แบรนด์จำตัวลูกค้าได้ รู้ว่าเวลาไหนที่แบรนด์ควรเข้าไปดูแลลูกค้าและเวลาไหนที่ไม่ควร

กลยุทธ์การตลาดแบบ Personalization ทำอย่างไร?

    1. ต้องมีข้อมูลลูกค้าอยู่ในมือก่อน : จะสื่อสารกับลูกค้าต้องรู้จักลักษณะของลูกค้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องอายุ  เพศ ที่อยู่ การศึกษา ไลฟ์สไตล์ พฤติกรรม ทัศคติ และข้อมูลอื่นๆที่เป็นเรื่องพื้นฐาน ทางที่ดีควรใช้เครื่องมือพวก Analytics ให้เป็นไว้เก็บและดูพฤติกรรมของคนใช้งานเว็บไซต์ด้วยว่าให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ส่วนไหนมากที่สุด

    2. ทำ Persona : ลองสรุปบุคคลิก ความคิดและความสนใจของลูกค้าหรือผู้ดูคอนเทนต์ รวมถึงแรงกระตุ้นในการซื้อ

    3. มีทีม มีทรัพยากร พร้อมทดลองทำคอนเทนต์และอัพเดตข้อมูล : เพราะ Persona ที่มีก็เหมือนกับสมมติฐานว่าลูกค้าจะต้องมีพฤติกรรมแบบเดียวกับข้อมูลที่เราไปหา

    4. ทดลองทำคอนเทนต์ โฆษณา: เนื้อหา รูปแบบ ขนาดโทน ตำแหน่ง ทิศทางของคอนเทนต์ในแต่ละเว็บเพจและสื่อออนไลน์

    5. การวัดผล : คล้ายกับขั้นตอนแรกแต่คราวนี้ดูพฤติกรรมของคนที่เข้ามาดูเว็บไซต์หรือสื่อออนไลน์ว่าเปลี่ยนไปแค่ไหน ซึงข้อมูลเหล่านี้จะเข้าไปอยู่ในเครื่องมือจำพวก Analytics 


และพอรู้ข้อมูลที่วัดผลแล้ว เราสามารถจำแนกกลุ่มลูกค้าซอยย่อยได้ละเอียดขึ้น ฉะนั้นการทำ Personalization มันต้องใช้เวลานานและต้องใช้คน เราอาจจะนำไปประยุกต์ใช้ในตัวสินค้าและบริการคำแนะนำ การตั้งราคา ให้แตกต่างกัน

สำหรับใครที่อยากเรียนรู้การตลาดออนไลน์ เพิ่มเติม  เรามีคลาสรับทำการตลาดออนไลน์  พื้นฐานมาแนะนำค่ะ 




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พักโซเชียลมาใช้ SEM & SEO กันเถอะ

พักโซเชียลมาใช้ SEM & SEO กันเถอะ           ในปัจจุบันนี้ Social Media   ส่วนใหญ่ถือกำเนิดขึ้นมาจากจุดประสงค์ของการเชื่อมต่อคนทั่วโลกให้เข้าถึงกัน หลังจากนั้นถึงมีการพัฒนาแพลตฟอร์มให้เอื้อต่อการทำธุรกิจด้วยฟีเจอร์ให้ลงโฆษณา ให้ซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มนั้นๆ ได้ทันที แต่ลองคิดภาพว่า Social ทุกแพลตฟอร์มถึงจุดอิ่มตัว ผู้เริ่มใช้เริ่มเบื่อ ไม่มีคนเข้ามาดูอะไร แล้วใครจะเห็นสินค้า หรือคอนเทนต์ของเรากัน ?       SEM แบ่งวิธีการทำออกได้สองแบบ คือ SEO คือการแข่งขันกันขึ้นอันดับของ   Search Engine   อย่าง Google เพื่อให้คนที่เสิร์ช เข้ามาเห็นเว็บไซต์ของเราก่อนเป็นอันดับแรกๆ ผู้คนที่ค้นหา เชื่อการจัดอันดับของ Google มากพอสมควร และลิงก์ไหนที่ขึ้นเป็นอันดับแรกๆ จะมีคำตอบที่พวกเขาต้องการมากที่สุด      ส่วนการทำ Google Ads คือการสร้างชุดโฆษณาขึ้นมา แล้วคัดเลือกคีย์เวิร์ดที่ต้องการ จากนั้นกำหนดให้คนที่เสิร์ช ด้วยคีย์เวิร์ดนี้จะเห็นโฆษณาที่ทำแล้วเห็นผลได้ทันทีเพราะโฆษณาของคุณจะปรากฏขึ้นในหน้า Search ของ Google เลย ...

หาสิ่งที่ชอบ “Passion” เปลี่ยนเป็นรายได้ “Income”

หาสิ่งที่ชอบ “Passion” เปลี่ยนเป็นรายได้  “Income”         ในปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส-19 ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในปัจจุบัน ถึงแม้จะไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศไทยก็ตาม แต่ก็ยังมีคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยที่ติดเชื้อจากประเทศนั้นๆ ทำให้หลายยังกลัวกับเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่นี้อยู่ ทำให้ส่งผลต่อการงาน บางคนต้องถูกสั่งพักงาน และเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน และการเดินทางไปต่างจังหวัดต้องป้องกันโดยการใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโรค แต่ในมุมร้ายๆ ก็อาจจะมีมุมดีๆ หากเรามองในแง่ดี ก็คือการที่ไม่ต้องเดินทางไปไหนไกลในแต่ละวัน ทำให้เราหันมาใส่ใจการดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้น หรือหลายๆ อาจหาทำสิ่งใหม่ๆ เพื่อเพิ่มทักษะให้กับตัวเอง      หากคุณเป็นคนหนึ่งมีสิ่งที่ชอบและสิ่งที่คิดว่าตัวเองถนัด  อยากหารายได้เสริม (Income) เกี่ยวกับงานที่ตัวเองจะทำนี้คือ 4 ช่องทางที่จะสามารถเปลี่ยน  สิ่งที่ชอบ  ( Passion ) เป็น รายได้  ( Income ) 1. YouTube       การสร้างรายได้ในช่องทางนี้ให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่สิ่งที...
การเพิ่มยอดขาย SME การตลาดออนไลน์      โลกธุรกิจในปัจจุบันมีหลายธุรกิจเพราะคนในสมัยนี้ หันมาทำธุรกิจส่วนตัวกันเป็นจำนวนมากจึงแตกต่างจากสมัยก่อนอย่างสิ้นเชิง และไม่ได้มีจำกัดเพียงแค่ออฟไลน์เท่านั้น แต่รวมถึงโลกออนไลน์ด้วย หากลองสังเกตสมัยก่อนการเลือกซื้อสินค้าอะไรก็ตามแต่ เราจะไปตระเวนหาสินค้าที่ดีละถูก และค้นหาจนกว่าจะเจอสิ่งที่ถูกใจอาจทำให้เราเสียเวลาและสินค้าไม่มีให้เลือกเยอะ  เมื่อลองเปรียบเทียบกับปัจจุบันที่เรามีความต้องการหรือสนใจสินค้าอะไร เราจะหยิบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโพน  แท็ปเล็ต เข้าอินเตอร์เน็ตและค้นหาข้อมูลสิ่งที่เราต้องการทำให้เราประหยัดเวลาและมีสินค้าให้เราเลือกหลายร้าน จากนั้นก็ทำการซื้อหรือลิสต์ไว้ในรายการซื้อนั้นเอง และเมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนไป ผู้ประกอบทั้งหลายจึงจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค แล้วเพราะอะไร ทำไม การตลาดออนไลน์ ถึงเป็นตัวช่วยของ SME หรือธุรกิจทั้งหลาย มีเป็นข้อดังต่อไปนี้ เข้าถึงลูกค้าได้อย่างไร้ขีดจำกัด เพราะการตลาดออนไลน์สามารถเข้าถึงและติดต่อสื่อสารกับท...